พิมพ์บลอกตามกระแสโซเชียลอีกครั้ง กับเรื่อง “หมอไม่เกม” ที่มีการสร้างกระแสต่อต้านเกมอย่างต่อเนื่อง ไม่ขอเล่าความเป็นมา อยากรู้เรื่องลอง google หา Dad mom and kids เอานะ เพราะวันนี้เราจะมาวิเคราะห์แบบคนไม่มีความรู้ ไม่ใช่หมอ และติดเกมกัน
ทัศนคติต่อต้านแบบสุดโต่ง
คนมีปมในวัยเด็ก ที่โดนพ่อห้ามเล่นเกม ลูกเลยห้ามเล่นตาม ศัพย์เทคนิคสวยๆไม่มีครับ ให้ลองนึกถึงกิจกรรม “รับน้อง” ที่มักเป็นข่าวตามฤดูกาล (ถ้ารับน้องดีและปกติคงไม่เป็นข่าว) เด็กคนอื่นสามารถใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานสมวัยได้ แต่ตัวเองถูกเลี้ยงเป็น “บ่อเงิน บ่อทอง” ถ้าเปรียบเทียบกับสัตว์ก็เหมือนตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร ในขณะที่คนอื่นเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักตามบ้านที่คนเลี้ยงเขาเอ็นดูแหล่ะมั้ง
อับอายกับความพ่ายแพ้ ชีวิตในวัยเด็กที่มีแต่ความเคร่งเครียดมุ่งเรียนแต่หนังสือ “แต่เสือกสอบเตรียมอุดมฯไม่ติด” ทั้งที่ตัวเองกระเสือกกระสน wanna be แต่พบแต่ความผิดหวัง ในทางกลับกันคนที่วันๆชีวิตชิลล์เลิกเรียนกลับบ้านกินข้าวดูทีวีต่อวีดีโอเกมเล่นนิดหน่อยก่อนนอนดันเรียนได้ดีกว่าสอบได้ดีกว่า แต่ก็มั่นหน้าว่าตัวเองแน่เหนือกว่าคนอื่นอีกนะ วิถีของ loser ย่อมไม่โทษ loser แต่มักจะโทษสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ถ้าไม่ “เขลา” พอน่าจะคิดออกว่าตัวเองล้มเหลวในคราวนั้นทั้งๆที่ไม่ได้เล่นเกมเกิดจากอะไร
เปรียบเทียบความสำเร็จกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แล้วสู้ไม่ได้ อยากเป็นอย่างเขา
อยากดังแต่ความสามารถไปไม่ถึงก็ทำให้อื้อฉาว ประเด็นนี้ตัดออกไม่ได้เลยทีเดียว เหมือนการโปรโมตหนังที่วิ่งแก้ผ้าตามอนุสาวรีย์ หรือรถแบกไดโนเสาร์กลางเมืองถูกปรับนิดนึง ด่านิดหน่อย แต่คนไทยลืมง่ายอย่างน้อยเอาชื่อให้อยู่ในกระแสวิจารย์สักพัก ไม่นานคนไทยก็จะลืมไปเองว่า “ชื่อคุ้นๆแฮะ แต่จำไม่ได้ว่าคุ้นชื่อเพราะเรื่องอะไร” สุดท้ายพอมีชื่อมีสินค้าออกมาคนก็จะ “ลองซื้อไปดูซิ ไม่กี่บาท เผื่อนึกออกว่าพูดถึงเรื่องอะไร” เป็นการตลาดแบบ Viral Marketing ที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน เคยเห็นหมอคิวทองที่มีชื่อเสียงโฆษณาตัวเองผ่านสื่อโซเชียลรัวๆไหมล่ะ ไม่ต้องโฆษณางานก็เข้ามาแบบไม่ได้พักอยู่แล้ว
ใครไม่เหมาะที่จะเล่นเกม
“บุตรใดที่มีพ่อแม่โง่เกินกว่าจะจัดการเวลาให้ได้ บุตรนั้นไม่ควรเล่นเกม” สมัยเด็กผมกับพี่เริ่มจากการเล่นเกมตอนพ่อทำงานเสร็จบนคอมพิวเตอร์ขนาด harddisk 1024kb จอเขียว จากเกมภาษาอังกฤษเล็กๆไปจนวาดรูปเล่นบน storyboard จนมาถึงยุคเครื่องคอนโซลก็จะได้เล่นตอนสุดสัปดาห์วันละ 8 ชั่วโมงแต่ต้องพักสายตาทุกสองชั่วโมงนะ เหตุที่สามารถเล่นได้เต็มวันเพราะหากการบ้านยังเหลือก็ต้องทำเสร็จก่อน ทำให้เมื่อกลับถึงบ้านผมกับพี่ก็เร่งทำการบ้านให้เสร็จเพื่อไม่ต้องติดเป็นภาระนี่แหล่ะ แต่หากจัดการเวลาให้ลูกไม่ได้ก็ตัดออก ดีครับ ง่ายดี มักง่ายดี เหมือนถ้ากลัวลูกหลงทางก็ไม่ต้องพาออกจากบ้านเพราะตัวเองไม่มีปัญญาดูแลลูกตอนอยู่ข้างนอกนั่นแหล่ะ
เกมกับการแข่งขัน
ลงรากลึกถึงคำว่าเกมนิดนึงในที่นี้เชื่อว่าหมอไม่มีความรู้ความเข้าใจพอที่จะแยกวีดีโอเกมออกจากเกมได้ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “game theory” เกมที่แท้จริงมันคือการแข่งขันในชีวิตประจำวันนี่แหล่ะครับ เกมกีฬา เกมชีวิต มันครอบคลุมเกือบทุกอย่างที่เป็นการแข่งขันนั่นแหล่ะ เอาน่ะ มาถึงเรื่อง electronic game ที่ต้องการจะแขว่ะ (อ้อ ไอ้ที่หมอต้องการสื่อถึงมันแค่ video game นะ มันคือการสื่อเกมออกมาเป็นภาพการตอบสนองแบบ interactive) มันก็การจำลองเกมลักษณะอื่นให้ออกมาเป็นภาพนั่นแหล่ะ
Loser gonna lose “ยิ่งเล่นยิ่งเครียด หายใจสั้นและตื้น เพราะต้องลุ้นตลอดเวลา ความดันโลหิตพุ่งสูงขณะเล่น หงุดหงิดหลังเล่นเสร็จเพราะพบว่า รายงานและการบ้านยังไม่เสร็จ สอบพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้อ่าน” การลุ้นและความดันโลหิตขึ้นมันไม่ดีคงไม่มีใครเล่นกีฬาที่เป็นการแข่งขันแล้วล่ะมั้ง ไปวิ่งตามสวนลุมฯแค่นั้นพอ ความทะเยอทะยานของมนุษย์ย่อมต้องการไต่เต้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หากวันนึงคุณชนะสิ่งใดย่อมต้องการหาสิ่งท้าทายใหม่ๆมาให้พิชิตต่อ แต่ถ้าแพ้ตั้งแต่เกมแรกแล้วหมดใจยอมแพ้ทันทีโดยที่ไม่คิดจะลองพยายามใหม่แล้วต่อต้านในสิ่งที่ตัวเองแข่งแล้วแพ้ก็ง่ายๆเลยครับ เกลียดการแข่งขันเพราะมันขี้แพ้ไง
ความสำเร็จคืออะไร
ความสำเร็จในชีวิตสำหรับผมคือการพึงพอใจกับตัวตนที่เป็นอยู่ หากต้องการเป็นคนอื่นที่ตัวเองยังไม่ได้เป็น แน่นอนครับว่าคนแบบนั้นเรียกตัวเองว่าประสบความสำเร็จยังไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงจุดหมายที่ตัวเองต้องการเลย การที่คุณเป็นหมอไม่ได้แปลว่าคุณประสบความสำเร็จกว่าคนอื่น ลองถามตัวเองสิว่ามหาตมะคานธีหรือแม่ชีเทเรซ่าถือว่าประสบความสำเร็จรึเปล่า มีเงินถุงเงินถังแต่คนด่านับหมื่นยังมองว่าตัวเองประสบความสำเร็จสินะ (ถ้ามีนะ แต่ถ้าไม่มีเงินด้วยโดนด่าด้วยนี่ยิ่งน่าคิด อิอิ)
รอดูลูกคุณเกม
“คนส่วนใหญ่เล่นเกม ดังนั้นหากลูกคุณเล่นเกมชีวิตก็จะล้มเหลวแบบคนส่วนใหญ่” ทั้งๆที่ลูกตัวเองก็ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรว่าสิ่งที่ทำมันทำให้ลูกประสบความสำเร็จ เมื่ออยากขายหนังสือจนเอาชีวิตลูกตัวเองมาเป็นเบี้ย ความสำเร็จที่ได้พบ ก็ตามนี้ ว้า เกมก็ไม่ได้เล่น สอบก็ไม่ติด เวลาเล่นเกมเอาไปอ่านหนังสือยังได้แค่นี้น่าเอาหัวไปเขกเต้าหู้ ตามรอยพ่อเป๊ะไปมั้ย สอบไม่ติดน่ะเรื่องธรรมดาสำหรับโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง แต่เด็กที่พ่อแม่ปั้นมาเหมือน “เกิดมาเพื่อการณ์นี้” แต่ดันล้มเหลว โตมาจะไม่กลายเป็นคน nothing รึนั่น เอาเป็นว่าแค่ฉากแรกก็ “เกม” ไปละ ถ้ายังไม่รู้สึกตัวก็น่ารอดูฉากต่อๆไปว่าถ้าเกมแล้วเกมอีก มันจะเกมโอเวอร์ รึเปล่า ถึงตอนนั้นคงไม่มาโทษเกมอีกนะ
แล้วคุณเลี้ยงลูกอย่างไร
ในฐานะของคนเพิ่งเป็นพ่อได้สองเดือน ผมจะเลี้ยงลูกแบบที่พ่อกับแม่ผมเลี้ยง ให้ดูการ์ตูน เล่นเกมด้วยความเอาใจใส่ ไม่ปิดกั้น แบบที่เด็กควรจะเป็น (หรือขุดหากระดูกไดโนเสาร์ในสวนที่บ้าน) เพราะมีพี่ที่เก่งอยู่แล้วเลยไม่รู้สึกมีความกดดันใดๆในการเรียนด้วยล่ะมั้ง ทุกวันนี้ก็ยังอ่านการ์ตูน เล่นเกมอยู่ มีความสุขดี แต่ยอมรับว่ายังไม่ประสบความครับ เพราะเป้าหมายผมคือการที่มีเงินใช้เงินเที่ยวอย่างหรูหราโดยที่ไม่ต้องทำงานน่ะสิ 555
ปล.ดูไว้ครับไม่ค่อยมีให้เห็นกับเอา Dad ขึ้นก่อน Mom สุภาพบุรุษดีจัง