อีก 1 ปีที่ผ่านไป

ปีที่แล้วช่างวุ่นวายมากมาย
เริ่มเรื่องคือคนที่พบกันในวันที่ 7 มีนาฯ เป็นการณ์ใหญ่
แต่..เอ๊ะ ลืมเขียนเลยมายังเดือนเมษาฯ
เรื่องดีๆแย่ๆเกิดขึ้นมากมาย
เรื่องดีมีหนึ่งคน เรื่องแย่มีหนึ่งคน แต่ตอนหลังไอเรื่องดีที่มีหนึ่งคนตอนปลายปีก็เป็นเรื่องแย่
สรุป แย่ 2 ดี 0 เซ็งเป็ด
ความจริงแล้วเรื่องดีน่ะมันมากมาย แต่ถ้าเรื่องมันดีอยู่แล้วจะมาบ่นใส่บลอกทำไมล่ะ จริงมะ
เริ่มที่เรื่องแย่คนแรกเลยละกัน เรื่องแย่ตั้งกะครั้งกะนู้นปี 2007-2008 กั๊กให้มีหวังไปเรื่อยปล่อยผ่านไปละกัน
มาปีก่อน “เราจะแต่งงานแล้วนะ เตรียมเก็บเงินไว้ใส่ซองด้วย”
โถๆๆ เม่งแต่งได้ทุกปี ซื้อความหวังไปด้วย โดยส่วนตัวมันแค่อยากลองแล้วให้ความหวังไปเรื่อยเฉยๆแล้
ช่วงที่คุณระริกระรี้ “เขารักเราจังเลย” มันก็ไปนัวกะสาวอื่นอยู่แล้วล่ะ หน้าตาหื่นเฮียขนาดนั้น โหงวเฮ้งชัดเจน
ชอบคนยังงี้ เลิกมาให้ความหวังซะทีเฮอะ
กะเรารักนวลสงวนตัว ถือประเพณีดีงามเหลือเกิน แตะตัวละจะตาย
พอกะมัน “เดี๋ยวพาไปหาหมอ” อื้อ หืม เมิงรู้จักกันได้กี่ปีน่ะ รู้จักกันจากไหนอย่าให้เล่า ยิ่งทียิ่งทู่เรศ มาก่อนมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้รัก
เหอะๆ พอเดาออกเลยวันๆทำไรกัน
เป็นแค่ “one of” ยังดีใจหนักหนาขนาดนี้ อย่างว่าเรามันคนไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ แค่โอกาสก็อย่าหวังเล้ย
ถ้ารักมันขนาดนั้นคุณไม่มีทางมาชายตามองผมหรอก มันคนละขั้ว
ส่วนเรื่องอีกคน อืม…อย่างที่รู้ๆกันน่ะแหล่ะ ไอเราก็ออกตัวชัดเจนเกิ้น หน้าแตกไม่รับเย็บเลยไง
ความจริงใจน่ะมันดี แต่ไปจริงใจกับคนที่ไม่ควรได้รับมันนี่น่าขายหน้าจริงๆ
และก็ต้องขอโทษอีกหนึ่งคน แต่ทุกอย่างมันสีเทา เลยไม่ได้เรื่องไปไหนซักที
สรุปเลยละกันคือตอนนี้เบื่อมาก ยังไงก็ลืมไม่ลง …จบ

พอเพียง หรือกบในกะลา

อินกับกระแสอยู่อย่างพอเพียงซะหน่อย
การอยู่อย่างพอเพียงคือการรู้จักพอใจกับสิ่งที่คนมีอยู่ ก้ดีนะ
เหมือนกับการละกิเลสลงบ้าง อะไรบ้าง
แต่ เอ๊ะ…มันต่างยังไงกับกบในกะลาล่ะ
ปิดหูปิดตาซะ ก็จะไม่อยากเอง…
อย่างนี้ความต่างของมันคือ "การเปิดใจยอมรับ" รึเปล่า
ในเคสของรู้จักพอเพียงน่าจะเป็นเปิดใจรับ รู้ถึงคุณสมบัติ รู้แล้วว่าข้อดีข้อเสียเป็นยังไง
หลังจากคิดแล้วก็เกิดความรู้สึกว่า "เอ้อ ก้ดีนะ แต่มันคงมากเกินไปสำหรับเรา"
"ได้เท่านี้ก็โอเคแล้ว เราอยู่ได้"
ไม่ใช่ว่าบางพวก ไอ้นั่นก็จะเอา ไอ้นี่ก็จะเอา
สุดท้ายพอไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง กลายเป็นคนขี้งอน เขียนข้อความประชดลงfb เอาแต่ได้ เรียกร้องไปเรื่อย งุงิๆ
พอเรียกร้อง แล้วมีคนจัดให้ก็เหมือนเข้าทางคนพวกนี้ เกิดความเคยตัวแล้วก็จะเรียกร้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การตบกะโหลกคือคำตอบเดียวในการรับมือกับคนพวกนี้

แล้วกบในกะลาล่ะ ?
พวกนี้พอเจออะไรใหม่ จะปฏิเสธไว้ก่อน
แต่ที่น่าเศร้ากว่าคือพวกนี้ส่วนใหญ่จะมี "ผีพรายกระซิบ" คอยบอก "อย่าไปเลย อย่าเอาเลย" ไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้
เหตุผลสุดหรูต่างๆนานา แต่แปลออกมาจริงๆแล้วคือ "กุหึง" "กุอิจฉา"
โดยส่วนมากผีพรายกระซิบจะมาจากกลุ่มคนข้างต้น พอตัวเองไม่ได้คนอื่นต้องไม่ได้ด้วย หรือของๆกุใครอย่าแตะ
ในที่สุดกบขี้หึงก็ปิดกะลาไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้กบอีกตัวรู้ว่าโลกภายนอกนั้นสดใสเพียงใด
ไม่ว่ากบขี้หึงจะแสดงธาตุแท้นิสัยแย่เพียงไร แต่กบในกะลานั้นหันซ้ายหันขวาไปก็ไม่พบใครอื่น
และกบในกะลาทั้ง 2 ตัวก็มีแค่กันและกันจบแบบ  แฮปปี้ เอนดิ้ง…ในกะลา

สุดท้าย นอกเรื่อง…พวกทำไม่ได้ คว้ามาไม่ได้
พบได้มากในช่วงสอบ หรือแข่งขันอะไรซักอย่าง
ง่ายๆเลยก็อย่าง สอบเข้า กฟผ. นี่ล่ะ
จะเจอพวกสอบไม่ผ่านแล้วพูดว่า "ก็ไม่ได้อยากเข้าหรอก เข้ามาเงินเดือนก็น้อยกว่าที่เดิมเยอะเลย"
…อ่าว แล้วจะมาสมัครหาพระเตี่ยใครล่ะนี่ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ
แต่ก็อย่างว่านะ หมามันยังเลียแผลตัวเองได้ ทำไมคนจะทำไม่ได้ล่ะเนอะ
หรืออีกตัวอย่างที่เห็นคือพวก …UCL ไม่ได้ ไปยูโรป้าก็ด้ายยยยยย ใหญ่เหมือนกัน